วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ไข้หวัด

ใครหลายๆคนคงจะเริ่มเป็นหวัดกันบ้างแล้วใช่มั๊ยคะ
เดือนหน้านี้ก็จะถึงเดือนมีนาคมแล้วล่ะค่ะ ทุกท่าน
อากาศจากที่หนาวๆกันอยู่ ก็เปลี่ยนมาร้อนซะงั้น
เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย
ฉะนั้นมาอ่านวิธีดูแลสุขภาพเมื่อเป็นหวัดกันมั๊ยคะ?
เผื่อว่าใครๆที่กำลังเป็นหวัดอยู่อาจจะนำไปใช้และหายจากหวัดไวขึ้นก็ได้
ถ้าบทความนี้เป็นประโยชน์บ้าง เราจะยินดีมากเลยค่ะ

โรคไข้หวัด หรือ โรคเยื่อจมูกและลำคออักเสบเฉียบพลัน
(Acute nasopharyngitis / Common cold)

หวัดเป็นโรคติดต่อที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียในระบบทางเดินหายใจ(ใครสนใจอยากรู้ว่ามีเชื้ออะไรบ้างขอแนะนำนะคะว่าไปเรียนหมอเถอะค่ะ มีตั้ง 200 กว่าชนิดแบบเบสิก และแบบแอดวานซ์ที่มีทั้งพวกธรรมดาๆและพวกกลายพันธุ์ แต่ถ้าสนใจจริงๆคอมเม้นท์บอกไว้นะคะจะไปเปิดตำรามาให้อ่านกันค่ะ )

อาการของโรคประกอบด้วยการจาม คัดจมูกน้ำมูกไหล, เยื่อจมูกที่จะบวมและแดง ถ้าเชื้อไวรัสติดเชื้อไปที่จมูกล่ะนะคะ แต่ถ้าติดเชื้อที่คอ จะมีอาการเจ็บคอ เสียงแหบ หรือมีเสมหะในลำคอ ผู้ป่วยเป็นไข้หวัดจะมีอาการไอ, ปวดศีรษะ และเหนื่อยง่าย ไข้หวัดมักจะมีระยะโรคอยู่ที่ประมาณสามถึงห้าวัน อาจร่วมด้วยอาการไอที่สามารถต่อเนื่องไปได้ถึงสามสัปดาห์ ส่วนใหญ่มักจะหายไปได้เอง แต่ยกเว้นกรณีไข้หวัด 2009 นะคะ เจ้านี้อาจจะหายไปพร้อมกับเจ้าของร่างกายที่มันอาศัยได้ค่ะก็คือเสียชีวิตน่ะค่ะ หากตัวร้อนสูงมาก ปวดเมื่อยตามร่างกาย และปวดศีรษะมาก ไปพบแพทย์ป้องกันไว้ก่อนจะเป็นวิธีการที่ดีกว่าค่ะ อย่าเสี่ยงซื้อยากินเองแล้วตายเสียก่อน ไม่ทันได้โบกมือลาครอบครัวเพราะต้องไปเฝ้าพระเจ้ากันก่อนนะคะ เราว่าเราเล่นมุกนี้คงไม่ฮา...ว่ามั๊ยคะ เพราะฉะนั้นเข้าเรื่องดีกว่าเนอะคะ แหะๆ

วิธีการดูแลตัวเองเมื่อเป็นหวัด

ข้อแรกที่เราโดนสอนมาตั้งแต่เด็กๆคือ “ห้ามสูดน้ำมูกและกลืนเสมหะ” ค่ะ

เพราะว่าในน้ำมูกและเสมหะแหล่านี้ เป็นแหล่งเชื้อโรคอ่อนแรงที่ถูกขับออกมาหลังจากที่ทีเซลล์ในร่างกายของเราได้กระตุ้นให้บีเซลล์สร้างแอนติบดีเข้าไปทำลายแอนติเจนในเชื้อไข้หวัดค่ะ ต้องเน้นว่าเชื้อโรคอ่อนแรงค่ะ เชื้อโรคยังไม่ได้ถูกทำลายโดยสมบูรณ์จึงต้องถูกขับออกมาในรูปของเหลวสีใสหรือสีเขียวเหลือง ทำให้จมูกหรือของเราจะเต็มไปด้วยของเหลวเพื่อขับเชื้อโรคเหล่านี้ หรือไม่ก็จะเกิดอาการจามขึ้นเมื่อเยื่อในโพรงจมูกถูกกระตุ้นน่ะค่ะ ทำให้ระคายเคืองจนต้องจามเอาเชื้อโรคพวกนี้ออกมา เพราะฉะนั้นเมื่อรู้ว่าน้ำมูกและเสมหะเป็นแหล่งของเชื้อไวรัสหวัดล่ะก็นะคะ เอามันออกมาเถอะค่ะ ทั้งจาม เช็ดน้ำมูก ขับเสมหะจากลำคอ เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคกลับคืนเข้าไปในร่างกายของคุณอีกครั้งค่ะ....

ข้อสอง “ดื่มน้ำอุ่นในปริมาณมากๆ”

หลายๆคนคงชอบน้ำเย็น(เราก็ชอบค่ะ แหม...วันไหนร้อนๆมาต้องน้ำเก๊กฮวยเย็นๆค่ะ สดชื่นนน!!~ >w<) แต่ถ้าหากว่า คุณเป็นหวัด ก็ตัดอกตัดใจจากน้ำเย็นๆพวกนั้นซะเถอะค่ะ และหันมาดื่มน้ำเปล่าอุ่นๆแทนเพื่อเป็นการละลายเสมหะที่เป็นก้อนเหนียวๆทำให้เราขับเสมหะเหล่านั้นออกมาง่ายขึ้น ไม่ต้องระคายคอมากค่ะ ในต่างประเทศก็มีผลการวิจัยออกมายืนยันนะคะ อย่างเช่นที่ ชดเชยน้ำที่ร่างกายต้องสูญเสีย รวมถึงทำให้ร่างกายเราไม่ต้องใช้พลังงานมากกว่าเดิมด้วยค่ะ เพราะร่างกายต้องใช้พลังงานจำนวนมากในการทำลายเชื้อโรค และถ้าเราดื่มน้ำเย็นที่ต่ำกว่าอุณหภูมิของร่างกายเราแล้ว ร่างกายเราต้องมาปรับอุณหภูมิของน้ำให้อุ่นพอดีกับร่างกายอีกครั้ง ทำให้ร่างกายเหนื่อยมากขึ้นและหมดแรงจะไปสู้กับเชื้อโรคแล้วล่ะค่ะ (กระบวนการในร่างกายน่ะซับซ้อนจะตายค่ะแต่นั่นแหละค่ะถึงทำให้วิชาชีววิทยาน่าสนุกอยู่เสมอ) เพราะฉะนั้นก็ควรจะดื่มน้ำอุ่นมากๆนะคะ เพื่อให้ร่างกายได้รับน้ำที่เพียงพอค่ะ

ข้อสาม “อาหารรสเผ็ด ขับน้ำมูกดีนักแล”

ทำไมน่ะเหรอคะ เพราะในอาหารรสเผ็ดส่วนใหญ่มักจะมีส่วนประกอบของพริก ซึ่งใช้เป็นพืชสมุนไพรในทางการแพทย์ ภายในผลพริกบริเวณส่วนที่เป็น รกพริก(ที่เราเรียกกันว่าไส้พริก) ซึ่งมีเมล็ดติดอยู่น่ะค่ะ จะมีสาร capsaicin ที่ก่อให้เกิดความเผ็ด ความเผ็ดร้อนนี้เองที่จะทำให้ร่างกายขับเหงื่อและขจัดสารพิษออกจากร่างกายได้ดียิ่งขึ้น ที่สำคัญคือช่วยส่งเสริมระบบการไหลเวียนของเลือดให้ดียิ่งขึ้นค่ะ เคยๆสังเกตกันมั๊ยคะเวลากินของเผ็ด มักจะหน้าแดงและมีเหงื่อ ก็เพราะสารตัวนี้เลยค่ะ ดังนั้นวันไหนที่ไม่สบายควรจะทานอาหารเผ็ดๆซักวันละมื้อหรือ 2 มื้อ (ตามสะดวกค่ะ) เพื่อเป็นการขับเหงื่อออกมานะคะ

ข้อสี่ “พักผ่อนอย่างเพียงพอและทำร่างกายให้อบอุ่น”

ไม่ได้หมายถึงให้คุณที่ป่วยๆอยู่ไปตากแดดนะคะ (เดี๋ยวเป็นลมแล้วมาโทษเรา เราไม่รับผิดชอบนะคะ แหะๆ) ในข้อนี้เป็นข้อที่เราคิดว่าหลายๆคนคงทราบดีว่าเมื่อเราไม่สบายเราต้องห่มผ้าหนาๆ ใส่เสื้ออุ่นๆ อาบน้ำอุ่นๆและอยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทค่ะ การพักผ่อนมากๆในช่วงนี้จะทำให้ร่างกายไม่ต้องรับภาระมากและตัวช่วยให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับเชื้อโรคได้ดีขึ้นค่ะ การทำให้ร่างกายอบอุ่นจะทำให้สามารถบับเหงื่อได้มากขึ้นและหายใจสะดวกขึ้นด้วยค่ะ

ข้อห้า “ทานอาหารให้ครบห้าหมู่”

แหม...ถ้าคุณมีแม่จบโภชนศาสตร์มาคุณคงไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารการกินเลยล่ะค่ะ แต่ถ้าคุณไม่สบายแถมยังไม่ได้อยู่กับคุณแม่แต่คุณอยู่คนเดียวล่ะก็เราขอแนะนำให้คุณทานอาหารให้ครอบจักรวาลทั้ง 5 หมู่ค่ะ ก็จะมีไขมัน เกลือแร่ วิตามิน โปรตีน และคาร์โบไฮเดรต เพราะมันจำเป็นอย่างมากต่อร่างกายที่กำลังอยู่ในช่วงภาวะอ่อนแอนะคะ ร่างกายของคุณ สุขภาพก็ของคุณต้องดูแลกันหน่อยนะคะ สู้ๆ

ข้อสุดท้าย “ไปพบแพทย์”

ลองทำมาทั้ง 5 ข้อแล้วยังไม่หาย แถมยังมีไข้สูง ท้องเสีย เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดศีรษะ หนาวสั่น และ ไม่มีเรี่ยวแรง อ่อนล้า ร่วมด้วย ในบางคนมีอาการท้องเสียร่วมกับอาเจียน ลองมาซะขนาดนี้ก็อย่านอนนิ่งๆนะคะ บางทีบางโรคร่างกายเราก็ไม่สามารถสร้างแอนติบอดีมาทำลายได้ทุกโรคหรอกค่ะ ดีไม่ดีเป็นไข้หวัด 2009 หรือไม่ก็เป็นไข้เลือดออกโดยไม่รู้ตัวเนี่ยอาจจะเสี่ยงอันตรายต่อชีวิตได้เลยนะคะ เราขอแสดงความเป็นห่วงอย่างยิ่งเลย (เพราะเคยเกือบตายมาแล้วค่ะ) การไปพบแพทย์อาจจะช่วยให้สามารถวินิจฉัยโรคได้แม่นยิ่งขึ้นและจะได้รับการรักษาที่ถูกต้องค่ะ คุณหมออาจจะให้ยาปฏิชีวนะมาเพื่อฆ่าเชื้อไวรัส (ไอ่ยาเม็ดแก้อักเสบเพื่อนซี้นั่นเลยค่ะ) ต้องทานให้ครบที่คุณหมอสั่งมานะคะเพื่อที่ว่าเชื้อโรคจะได้ไม่ดื้อยาและเกิดการกลายพันธุ์ ขึ้นค่ะ(ถ้าหาเอกสารเรื่องเหล่านี้เจอเราจะนำมาทำเป็นบทความต่อไปนะคะ)

ยังมีอีกหลายๆวิธีค่ะ แต่คัดมาเฉพาะที่เด่นๆที่สามารถทำได้ด้วยตัวของเราเองโดยไม่ต้องพึ่งยาปฏิชีวนะมากนักน่ะค่ะ เพราะยาบางตัวกินมากๆก็มีผลต่อตับและไต อีกทั้งระคายเคืองกระเพาะอาหารอีก(ซึ่งมีแน่นอนค่ะ ในยาประเภทสเตียรอยด์) ดังนั้นเราก็ควรดูแลร่างกายของเราด้วยตัวของเราเองก่อนนะคะ ถ้าไม่ไหวจริงๆค่อยพึ่งยาและหมอค่ะ จะทำให้คุณสามารถลดปริมาณค่าใช้จ่ายที่ไม่ค่อยจะจำเป็นไปได้มากเลยค่ะ

ฝากไว้นิดนึงค่ะ เพราะได้เรียนกับอาจารย์เรืองศักดิ์ที่สุดปลื้ม
อาจารย์ท่านบอกว่า "เราควรเรียนรู้ป้องกันมากกว่ารักษา"
เพราะฉะนั้นหมั่นดูแลร่างกายให้ฟิตปั๋ง แข็งแรงกันทุกท่านนะคะ



ใครๆที่กำลังเป็นหวัดอยู่ หายไวๆนะคะ
เราเป็นห่วงสุขภาพของคุณค่ะ


ด้วยความปราถนาดีจาก

Toolyada (เจ้าของเดียวกันกับ . . .)


ปล. เราทราบดีค่ะว่ามุขเรามัน...เอ่อ..ไม่ฮาอ่านะคะ
       แต่ถ้าฮาได้ก็ฮาหน่อยเถอะ แบบว่า .....เฮ้อ
      พยายามสุดฤทธิ์สุดเดชเเล้วค่ะ แหะๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น